Ontology (ONT) คืออะไร

Ontology คืออะไร

Ontology เป็นบล็อกเชนโอเพนซอร์สที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านข้อมูลระบุตัวตนแบบดิจิทัลและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล บล็อกเชนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมพื้นที่แห่งการทำงานร่วมกันและไว้วางใจได้ ซึ่งธุรกิจต่างๆ สามารถทำการผสานรวมโซลูชันบล็อกเชนเข้ากับโมเดลที่ตนเองมีอยู่ก่อนได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นแต่อย่างใด โครงสร้างพื้นฐานของ Ontology ส่งเสริมความน่าเชื่อถือ, การยืนยันตัวตน, การแลกเปลี่ยนข้อมูล และโซลูชันเพื่อการอนุญาต ซึ่งทำให้บล็อกเชนนี้ปรับเข้ากับแอปพลิเคชันและอุปกรณ์ทางธุรกิจได้อย่างมากมาย ความอเนกประสงค์นี้เองทำให้ Ontology สามารถนำไปใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้ ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับประโยชน์จากระบบความไว้วางใจแบบกระจายศูนย์

เครือข่าย Ontology เป็นกลุ่มบริษัทของบริการแบบกระจายศูนย์ที่ครอบคลุมการทำงานร่วมกันในด้านของข้อมูล การแลกเปลี่ยนข้อมูล และข้อมูลระบุตัวตนแบบดิจิทัล โดยสร้างเครือข่ายความน่าเชื่อถือแบบ Peer-to-Peer ที่ไม่เพียงแต่สามารถปรับให้เข้ากับโมเดลธุรกิจต่างๆ ได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย กล่าวได้ว่า ด้วยการจัดการปัญหาที่พบบ่อยของการกระจายตัวของข้อมูลและการละเมิดความปลอดภัย Ontology ถือเป็นแพลตฟอร์มปฏิวัติวงการในแวดวงบล็อกเชน ที่นำเสนอเครื่องมือและโปรโตคอลที่ทำให้การดำเนินธุรกิจและบริการต่างๆ มีความกระจายศูนย์ ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันได้และมีความปลอดภัยขึ้นนั่นเอง

แหล่งข้อมูล

เอกสารทางการ: https://docs.ont.io/

เว็บไซต์ทางการ: https://ont.io/

Ontology ทำงานอย่างไร

หัวใจหลักของ Ontology อยู่ที่โครงสร้างอันซับซ้อนที่เรียกว่า “Ontology Chain Group” ซึ่งเป็นคอลเลกชันแบบ Hyper-Converged ของ Distributed Ledger ที่ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายบล็อกเชนส่วนบุคคลสำหรับธุรกิจ เครือข่ายบริการที่เป็นเอกลักษณ์เหล่านี้สามารถปรับแต่งได้ เพื่อให้รองรับความต้องการเฉพาะของบริษัทต่างๆ โครงสร้างนี้เองช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบสิทธิ์ของหน่วยงาน โปรโตคอลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการจัดการข้อมูลประจำตัว ถือเป็นการส่งเสริมการทำงานร่วมกันและความไว้วางใจระหว่างธุรกิจนั่นเอง

Ontology ใช้กลไกฉันทามติอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า Verifiable Byzantine Fault Tolerance (VBFT) ซึ่งผสมผสานจุดแข็งของ Byzantine Fault Tolerance (BFT), Proof of Stake (PoS) และกลไก Verifiable Random Function (VRF) เข้าด้วยกัน การผสานรวมนี้เองได้ส่งผลให้ความเร็วในการทำธุรกรรมสูงขึ้น เมื่อเทียบกับกลไกฉันทามติ Proof-of-Work (PoW) ที่ใช้พลังงานสูงซึ่งบล็อกเชนอื่นๆ กำลังใช้งานอยู่ เช่น Bitcoin สิ่งที่น่าประทับใจคือ Ontology สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากถึง 4,000 ธุรกรรมต่อวินาทีบน Mainnet ของแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นจำนวนที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหากใช้โซลูชันด้านความสามารถในการขยายการรองรับ เช่น Sharding

นอกจากนี้ Ontology ยังนำเสนอกรอบการทำงานสำหรับข้อมูลตัวตนแบบกระจายศูนย์ที่เรียกว่า “ONT ID” ซึ่งจะช่วยส่งเสริมผู้ใช้ด้วยข้อมูลระบุตัวตนรายการเดียวที่สามารถยืนยันได้บนอินเทอร์เน็ต ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ดียิ่งขึ้น นวัตกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มด้านข้อมูลตัวตนแบบกระจายศูนย์ (DeID) ที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้จากการแฮ็กที่อาจเกิดขึ้นได้ และรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้เหล่านั้น ด้วยการใช้งานผ่าน “ONTO Data Wallet” ผู้ใช้จะสามารถจัดการข้อมูลตัวตนดิจิทัล ข้อมูลส่วนบุคคล และสินทรัพย์ผ่านบล็อกเชนหลายรายการได้ ถือเป็นการส่งเสริมสภาพแวดล้อมแบบออนไลน์ที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

โทเค็น ONT คืออะไร

Ontology ดำเนินการบนระบบโทเค็นคู่ซึ่งประกอบด้วยโทเค็นการ Stake “ONT” และ Utility Token “ONG” กล่าวคือ โทเค็น ONT ทำหน้าที่เป็นโทเค็นการ Stake ของเครือข่ายภายใน “Triones” ซึ่งเป็นระบบฉันทามติ Proof of Stake ผู้ใช้ที่ Stake ONT จะสร้าง Node บนเครือข่าย Ontology โดยจะได้รับรางวัลเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และค่าธรรมเนียมสำหรับการ Deploy และดำเนินการ Smart Contract นอกจากนี้ ผู้ถือ ONT ยังได้รับสิทธิพิเศษในการโหวตข้อเสนอครั้งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย Ontology ด้วยเช่นกัน ในทางกลับกัน โทเค็น ONG นั้นทำงานคล้ายกับ Gas บนเครือข่าย Ethereum ซึ่งจะถูกนำไปใช้งานสำหรับการทำธุรกรรม พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเครือข่าย และการ Deploy และดำเนินการของ Smart Contract

ผลกระทบของ Ontology ในด้านการเงิน

Ontology พร้อมที่จะสร้างอิทธิพลครั้งสำคัญในเซกเตอร์การเงินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการ Decentralized Finance (DeFi) กล่าวคือ โปรโตคอลที่แข็งแกร่งและกรอบการทำงานด้านข้อมูลตัวตนแบบกระจายศูนย์ได้ปูทางไปสู่ธุรกรรมทางการเงินที่ปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว “ONT Score” ที่อิงตามระบบการจัดอันดับเครดิตแบบกระจายศูนย์ “OScore” ของ Ontology ช่วยเหลือผู้ใช้ในด้านการกู้ยืมผ่าน DeFi และบริการทางการเงินอื่นๆ โดยส่งเสริมให้เกิดโปรโตคอลการให้กู้ยืมตามระบบเครดิตที่ผสานรวมกับบล็อกเชนที่เข้ากันได้อื่นๆ อย่างราบรื่น ซึ่งรวมถึง Ethereum ด้วย

นอกจากนี้ การให้ความสำคัญในเรื่องของข้อมูลและโซลูชันที่เน้นความเป็นส่วนตัวของ Ontology ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อการรั่วไหลของข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น และผู้ใช้เริ่มตระหนักถึง “Data Harvesting” กันมากขึ้นเช่นกัน นวัตกรรมในด้านการยืนยันตัวตน การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการให้คะแนนเครดิตได้เปิดโอกาสมากมายสำหรับทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไป ตราบใดที่สามารถจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากภูมิทัศน์ด้านการกำกับดูแลและความผันผวนของตลาดได้ Ontology ก็มีศักยภาพที่จะเกิดการนำไปใช้งานและประสิทธิภาพในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นได้

สิ่งใดเป็นตัวกำหนดราคาของ Ontology

ในโลกของคริปโทเคอร์เรนซีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ราคาของ Ontology ก็เหมือนกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยมากมายที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของตลาดและหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ในขั้นต้น การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานในตลาดมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาของ Ontology โดยโทเค็น ONT มีอุปทานจำกัด ซึ่งหมายความว่าเมื่อความต้องการโทเค็นเพิ่มขึ้น ราคาโทเค็นก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากโทเค็นมีจำกัดนั่นเอง นอกจากนี้ ประโยชน์ใช้สอยของโทเค็น ONT ภายในระบบนิเวศบล็อกเชนของ Ontology ซึ่งทำหน้าที่เป็นโทเค็นการ Stake ในระบบฉันทามติ Proof of Stake ของเครือข่าย ก็ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการประเมินมูลค่าเช่นกัน นักลงทุนและผู้ชื่นชอบคริปโทเคอร์เรนซีควรติดตามการพัฒนาและการอัปเดตภายในบล็อกเชน Ontology อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้และมูลค่าที่จะตามมาของโทเค็น ONT

ความเชื่อมั่นของตลาดซึ่งมักได้รับอิทธิพลจากข่าว การกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย และเทรนด์ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในวงกว้าง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลต่อราคา ONTology ได้ อย่างไรก็ตามในวงการคริปโต ความรู้สึกและความเชื่อมั่นอาจเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่ผันผวน นอกจากนี้ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการทำงานร่วมกันที่ Ontology มีส่วนร่วมด้วยยังสามารถทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้มูลค่าโทเค็นเพิ่มขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือของ Ontology กับ NEO ซึ่งเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในเซกเตอร์บล็อกเชน และความพยายามในการยกระดับความเข้ากันได้และความสามารถในการทำงานร่วมกันกับ Ethereum Smart Contract และบล็อกเชนอื่นๆ เป็นสิ่งที่ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากนักลงทุนในฐานะที่เป็นปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้ราคาเติบโตขึ้นได้นั่นเอง

อย่างไรก็ดี เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคา Ontology เราจะไม่สามารถมองข้ามภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวางและสภาพแวดล้อมด้านการกำกับดูแลไปได้เลย เนื่องจากตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีชื่อเสียงในด้านความอ่อนไหวต่อข่าวสารด้านการกำกับดูแลและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ Ontology ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลตัวตนแบบกระจายศูนย์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล พบว่ามีจุดยืนอยู่ที่จุดกึ่งกลางระหว่างเทคโนโลยีและการตรวจสอบจากหน่วยงานด้านการกำกับดูแล ในขณะที่ Ontology ยังมุ่งมั่นดำเนินการในภูมิทัศน์ที่ซับซ้อนของข้อบังคับด้านความปลอดภัยของข้อมูล และมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมนวัตกรรมในการยืนยันตัวตนและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอยู่เช่นนี้ ก็มีการคาดการณ์ว่าราคา Ontology จะสะท้อนถึงความสำเร็จในการบรรลุความสมดุลที่ลงตัวระหว่างนวัตกรรมและการปฏิบัติตามกฎระเบียบในท้ายที่สุด นักลงทุนและนักวิเคราะห์ตลาดต่างสังเกตการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยรวมปัจจัยดังกล่าวเข้าไปในการคาดการณ์ราคาคริปโทเคอร์เรนซีและกลยุทธ์การลงทุนของตนเลยทีเดียว