Aptos (APT) คืออะไร

เกี่ยวกับ Aptos

Aptos เป็นบล็อกเชนที่เร็วที่สุดเจ้าหนึ่ง ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากโปรเจกต์ Web3 ที่ Meta (ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่า Facebook) ได้หยุดการพัฒนาไป โปรเจกต์ดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดย Aptos Labs สตาร์ทอัพ Web3 ที่มุ่งเน้นบล็อกเชน Layer-1 ที่สามารถขยายการรองรับได้ โดยโปรเจกต์นี้นำโดย Mo Shaikh และ Avery Ching ซึ่งทั้ง 2 คนเคยเป็นวิศวกรของ Meta มาก่อน ทั้งนี้ Aptos ไม่ใช่กิจการใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากมีรากฐานย้อนกลับไปได้ถึงบล็อกเชนในโครงการ Diem ของ Meta ซึ่งหยุดการพัฒนาไปก่อนหน้านี้ ทำให้ Aptos เรียกได้ว่าตั้งอยู่บนรากฐานที่แข็งแกร่งทีเดียว

Aptos ได้รับการออกแบบให้เป็นบล็อกเชน Layer-1 แบบ Proof of Stake ที่สามารถขยายการรองรับได้ และใช้งานภาษาโปรแกรมมิ่งสำหรับ Smart Contract ที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง Move โดยภาษานี้พัฒนาขึ้นโดย Meta เองอย่างเป็นอิสระ มุ่งเน้นด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นเป็นหลัก ทั้งนี้ บล็อกเชน Aptos ใช้การผสมผสานกันระหว่างการประมวลผลธุรกรรมแบบคู่ขนานและภาษา Move สำหรับ Smart Contract เพื่อให้มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล (Throughput) ธุรกรรมได้ถึง 160,000 ธุรกรรมต่อวินาทีด้วยกันในทางทฤษฎี

ในเดือนกันยายน 2022 Aptos ได้รับการลงทุนเชิงกลยุทธ์จาก Binance Labs ซึ่งเป็นผลให้มูลค่าประเมินของบริษัทพุ่งขึ้นเป็น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แหล่งข้อมูล

Whitepaper: https://github.com/aptos-labs/aptos-core/blob/main/developer-docs-site/static/papers/whitepaper.pdf

เว็บไซต์ทางการ:https://aptosfoundation.org/

Aptos ทำงานอย่างไร

Aptos มีความโดดเด่นเนื่องจากมีแนวทางการประมวลผลธุรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ โดย Aptos แตกต่างจากบล็อกเชนชื่อดังอย่าง Bitcoin และ Ethereum ซึ่งทำการประมวลผลธุรกรรมเป็นลำดับก่อนหลัง เนื่องจากบล็อกเชนดังกล่าวประมวลผลธุรกรรมทั้งหมดพร้อมกัน หมายความว่าแม้จะมีธุรกรรมใดที่ประมวลผลไม่สำเร็จ ก็จะไม่เป็นการขวางธุรกรรมอื่นๆ ทั้ง Chain นั่นเอง ในการนี้ ธุรกรรมทั้งหมดจะประมวลผลในคราวเดียวและจะมีการตรวจสอบความถูกต้องในภายหลัง โดยธุรกรรมที่ไม่สำเร็จก็จะถูกยกเลิกและนำมาดำเนินการใหม่อีกครั้ง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้สามารถทำได้ด้วยคลังข้อมูล STM (Software Transactional Memory) ซึ่งคอยตรวจจับและจัดการข้อมูลที่ขัดแย้งกันนั่นเอง

เครือข่าย Aptos ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทั้งหมดที่ใช้ได้เพื่อให้สามารถประมวลผลธุรกรรมหลายๆ รายการพร้อมๆ กันได้ ซึ่งส่งผลให้เครือข่ายมีความสามารถในการรับส่งข้อมูล (Throughput) เพิ่มขึ้นและมีความสามารถในการทำธุรกรรมได้เร็วขึ้น นำไปสู่การมีค่าใช้จ่ายที่ลดลงและประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้บล็อกเชนด้วย

นอกจากนี้ Aptos ยังเสนอโมเดลการดำเนินการ Smart Contract ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเครือข่ายใช้โครงสร้างพื้นฐานบน Cloud เป็นแพลตฟอร์มในการสร้างแอปพลิเคชันที่มีการใช้งานกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากขยายการรองรับได้และมีความคุ้มค่าใช้จ่าย ซึ่งแนวทางนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ DeFi บนบล็อกเชนดังกล่าวได้ โดยในระบบนิเวศดังกล่าวมีโปรเจกต์ DeFi เปิดดำเนินการอยู่แล้วกว่า 50 โปรเจกต์ด้วยกัน

APT Token คืออะไร

APT เป็นโทเค็นดั้งเดิมของแพลตฟอร์ม Aptos โดย ณ ขณะนี้ โทเค็น APT ที่หมุนเวียนในระบบมีจำนวน 219.33 ล้านโทเค็น ซึ่งโทเค็นดังกล่าวมีหน้าที่หลายประการด้วยกัน ได้แก่

- เป็นค่าธรรมเนียมธุรกรรมและเครือข่าย: APT ใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมธุรกรรมและเครือข่ายบน Aptos โดย Validator จะให้ความสำคัญกับธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงก่อน และจะคัดธุรกรรมมูลค่าต่ำออกไป ทำให้ระบบดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าจะทำงานเต็มศักยภาพแล้วก็ตาม

- การกำกับดูแล: APT สามารถใช้สำหรับโหวตในการกำกับดูแลในเรื่องเกี่ยวกับการอัปเกรดโปรโตคอลและกระบวนการ On/Off-Chain ต่างๆ ได้

- การรักษาความปลอดภัยให้บล็อกเชน: ระบบใช้ APT ในการดำเนินการโมเดล Proof of Stake โดย Validator ที่ถือโทเค็น APT เป็นจำนวนขั้นต่ำจะสามารถเข้าร่วมทำการตรวจสอบความถูกต้องให้ธุรกรรมบนบล็อกเชน Aptos ได้ ทั้งนี้ ผู้ Stake จะสามารถเลือก Validator เพื่อนำโทเค็นของตนไป Stake ด้วยได้ และจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นส่วนแบ่งตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้ว

ผลกระทบของ Aptos ในด้านการเงิน

ในขณะที่เซกเตอร์ Decentralized Finance (DeFi) ยังคงขยายตัวต่อไป การถือกำเนิดขึ้นของบล็อกเชนอย่าง Aptos ก็มีความสำคัญต่อโลกการเงินอยู่มากทีเดียว ด้วยการดำเนินการธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและความสามารถในการรับส่งข้อมูล (Throughput) ที่สูงนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ Aptos จะเข้ามาเป็นผู้ให้บริการแทนสำหรับธุรกรรมที่แต่เดิมธนาคารจะต้องใช้เวลาดำเนินการนานกว่าและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

- เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน: ด้วยโครงสร้างพื้นฐานพิเศษ ​Aptos สามารถนำบริการทางการเงินมาเสนอแก่ประชากรที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้ ทำให้พวกเขาเข้าถึงการกู้ยืมเงิน ประกันภัย และผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ได้โดยไม่ต้องมีคนกลางแบบดั้งเดิมมายุ่งเกี่ยวเลย ซึ่งจะเป็นผลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวขึ้นได้ในภูมิภาคที่เดิมไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้นั่นเอง

- ความคุ้มทุน: สถาบันการเงินนั้นทำการมองหาวิธีการที่จะยกระดับการดำเนินการของตนให้คล่องตัวขึ้นและลดค่าใช้จ่ายลงอยู่เสมอ โดยแนวทางการประมวลผลธุรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Aptos สามารถเสนอวิธีการที่คุ้มทุนกว่าในการประมวลผลธุรกรรมในปริมาณมากให้แก่ธนาคารและผู้ให้บริการทางการเงินได้

- สภาพคล่องที่ดีขึ้นใน DeFi: ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว บนบล็อกเชนของ Aptos นั้นมีโปรเจกต์ DeFi เปิดให้บริการอยู่แล้วกว่า 50 โปรเจกต์ โดยเวลาในการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและความสามารถในการรับส่งข้อมูล (Throughput) ที่สูงของ Aptos สามารถกระตุ้นให้โปรเจกต์เหล่านี้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะนำไปสู่ระบบ DeFi ที่มีสีสันยิ่งขึ้นไปอีก

- ธุรกรรมข้ามพรมแดน: ธุรกรรมข้ามพรมแดนแบบดั้งเดิมในบางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้เวลานาน แต่ด้วยความสามารถในการขยายการรองรับและการประมวลผลธุรกรรมที่มีความเร็วสูงของ Aptos แล้ว เครือข่ายดังกล่าวก็อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้จะทำการโอนเงินระหว่างประเทศเลือกใช้ก็ได้ ซึ่งจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมและเวลารอคอยสำหรับทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไปทีเดียว

- ความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้น: โดยทั่วไปแล้วบล็อกเชนได้รับการยกย่องในด้านความโปร่งใส ซึ่ง Aptos ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย การดำเนินการทางการเงินที่กระทำบน Aptos นั้นมีความโปร่งใส ซึ่งอาจนำไปสู่การลดการฉ้อโกงและการได้รับความไว้วางใจเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้มีส่วนได้เสียในเซกเตอร์การเงินได้

บทสรุป

โดยสรุปแล้ว Aptos เป็นบล็อกเชนดาวรุ่งที่เสนอฟีเจอร์และความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ การที่บล็อกเชนดังกล่าวมีรากฐานอยู่บนโปรเจกต์ Diem ที่หยุดพัฒนาไปนั้น เมื่อรวมกับแนวทางการประมวลผลธุรกรรมและการดำเนินการ Smart Contract ที่เป็นนวัตกรรมแล้ว ก็ทำให้ Aptos อยู่ในตำแหน่งที่อาจสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการบล็อกเชนได้ทีเดียว