Bitget Research: คน Gen Z และ Alpha ถึง 20% ยินดีรับเงินบำนาญเป็นคริปโทเคอร์เรนซี![share](data:image/svg+xml;base64,PHN2ZyB3aWR0aD0iMjgiIGhlaWdodD0iMjgiIHZpZXdCb3g9IjAgMCAyOCAyOCIgZmlsbD0ibm9uZSIgeG1sbnM9Imh0dHA6Ly93d3cudzMub3JnLzIwMDAvc3ZnIj4KPHBhdGggZD0iTTEwLjI4MjEgMTIuNzM2NkM5Ljc5NDc5IDExLjYyMTIgOC42ODE3OCAxMC44NDE3IDcuMzg2NzIgMTAuODQxN0M1LjY0MjQ5IDEwLjg0MTcgNC4yMjg1MiAxMi4yNTU3IDQuMjI4NTIgMTMuOTk5OUM0LjIyODUyIDE1Ljc0NDEgNS42NDI0OSAxNy4xNTgxIDcuMzg2NzIgMTcuMTU4MUM4LjY4MTc4IDE3LjE1ODEgOS43OTQ3OSAxNi4zNzg2IDEwLjI4MjEgMTUuMjYzMk0xMC4yODIxIDEyLjczNjZDMTAuNDUxMiAxMy4xMjM1IDEwLjU0NDkgMTMuNTUwNyAxMC41NDQ5IDEzLjk5OTlDMTAuNTQ0OSAxNC40NDkxIDEwLjQ1MTIgMTQuODc2MyAxMC4yODIxIDE1LjI2MzJNMTAuMjgyMSAxMi43MzY2TDE1LjM2MzMgOS4yMTc1Nk0xNS4zNjMzIDkuMjE3NTZDMTUuOTAyNyAxMC4xODY0IDE2LjkzNzEgMTAuODQxOCAxOC4xMjQ2IDEwLjg0MThDMTkuODY4OCAxMC44NDE4IDIxLjI4MjggOS40Mjc4MiAyMS4yODI4IDcuNjgzNTlDMjEuMjgyOCA1LjkzOTM3IDE5Ljg2ODggNC41MjUzOSAxOC4xMjQ2IDQuNTI1MzlDMTYuMzgwNCA0LjUyNTM5IDE0Ljk2NjQgNS45MzkzNyAxNC45NjY0IDcuNjgzNTlDMTQuOTY2NCA4LjI0MDMgMTUuMTEwNSA4Ljc2MzM3IDE1LjM2MzMgOS4yMTc1NlpNMTAuMjgyMSAxNS4yNjMyTDE3LjI1ODIgMTguNzgyM00xNy4yNTgyIDE4Ljc4MjNDMTcuMDA1NCAxOS4yMzY1IDE2Ljg2MTMgMTkuNzU5NiAxNi44NjEzIDIwLjMxNjNDMTYuODYxMyAyMi4wNjA1IDE4LjI3NTMgMjMuNDc0NSAyMC4wMTk1IDIzLjQ3NDVDMjEuNzYzOCAyMy40NzQ1IDIzLjE3NzcgMjIuMDYwNSAyMy4xNzc3IDIwLjMxNjNDMjMuMTc3NyAxOC41NzIxIDIxLjc2MzggMTcuMTU4MSAyMC4wMTk1IDE3LjE1ODFDMTguODMyIDE3LjE1ODEgMTcuNzk3NiAxNy44MTM1IDE3LjI1ODIgMTguNzgyM1oiIHN0cm9rZT0iIzlBQTNBMyIgc3Ryb2tlLXdpZHRoPSIxLjMiLz4KPC9zdmc+Cg==)
![link_icon](data:image/svg+xml;base64,PD94bWwgdmVyc2lvbj0iMS4wIiBzdGFuZGFsb25lPSJubyI/PjwhRE9DVFlQRSBzdmcgUFVCTElDICItLy9XM0MvL0RURCBTVkcgMS4xLy9FTiIgImh0dHA6Ly93d3cudzMub3JnL0dyYXBoaWNzL1NWRy8xLjEvRFREL3N2ZzExLmR0ZCI+PHN2ZyB0PSIxNjc3NzU0NDYwNzA3IiBjbGFzcz0iaWNvbiIgdmlld0JveD0iMCAwIDEwMjQgMTAyNCIgdmVyc2lvbj0iMS4xIiB4bWxucz0iaHR0cDovL3d3dy53My5vcmcvMjAwMC9zdmciIHAtaWQ9IjIxMDEwIiB4bWxuczp4bGluaz0iaHR0cDovL3d3dy53My5vcmcvMTk5OS94bGluayIgd2lkdGg9IjIwMCIgaGVpZ2h0PSIyMDAiPjxwYXRoIGQ9Ik0wIDUxMkMwIDIyOS4yMzM3NzggMjI5LjIzMzc3OCAwIDUxMiAwczUxMiAyMjkuMjMzNzc4IDUxMiA1MTItMjI5LjIzMzc3OCA1MTItNTEyIDUxMlMwIDc5NC43NjYyMjIgMCA1MTJ6IiBmaWxsPSIjRUNFQ0VDIiBwLWlkPSIyMTAxMSI+PC9wYXRoPjxwYXRoIGQ9Ik00MzYuNTkzNzc4IDY3Ny45MTY0NDRsOTAuNTEwMjIyLTkwLjUxMDIyMiAzMC4xNTExMTEgMzAuMTUxMTExLTkwLjQ4MTc3OCA5MC41Mzg2NjdhMTA2LjY2NjY2NyAxMDYuNjY2NjY3IDAgMCAxLTE1MC44NjkzMzMtMTUwLjg0MDg4OWw5MC41MTAyMjItOTAuNTM4NjY3IDMwLjE1MTExMSAzMC4xNzk1NTYtOTAuNDgxNzc3IDkwLjUxMDIyMmE2NCA2NCAwIDEgMCA5MC41MTAyMjIgOTAuNTEwMjIyek02MTcuNjE0MjIyIDU1Ny4yMjY2NjdsLTMwLjE1MTExMS0zMC4xNTExMTEgOTAuNDgxNzc4LTkwLjUxMDIyM2E2NCA2NCAwIDEgMC05MC41MTAyMjItOTAuNTEwMjIybC05MC41MTAyMjMgOTAuNTEwMjIyLTMwLjE1MTExMS0zMC4xNTExMTEgOTAuNDgxNzc4LTkwLjUzODY2NmExMDYuNjY2NjY3IDEwNi42NjY2NjcgMCAxIDEgMTUwLjg2OTMzMyAxNTAuODQwODg4bC05MC41MTAyMjIgOTAuNTEwMjIzeiIgZmlsbD0iIzQxNDc0NyIgcC1pZD0iMjEwMTIiPjwvcGF0aD48cGF0aCBkPSJNNTU3LjI4MzU1NiA0MzYuNTY1MzMzbC0xMjAuNjg5Nzc4IDEyMC42NjEzMzQgMzAuMTUxMTExIDMwLjE3OTU1NSAxMjAuNjg5Nzc4LTEyMC42NjEzMzMtMzAuMTUxMTExLTMwLjE3OTU1NnoiIGZpbGw9IiM0MTQ3NDciIHAtaWQ9IjIxMDEzIj48L3BhdGg+PC9zdmc+)
![Bitget Research: คน Gen Z และ Alpha ถึง 20% ยินดีรับเงินบำนาญเป็นคริปโทเคอร์เรนซี](https://img.bgstatic.com/multiLang/web/e8ff71284c2b4ec5c35dbf7b45c73df4.png)
สรุปประเด็นสำคัญ
● ผู้ตอบแบบสอบถามรุ่นเยาว์ 78% เชื่อถือวิธีการออมเงินเกษียณแบบทางเลือกมากกว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม
● ผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม Generation Z และ Alpha ถึง 20% พร้อมที่จะรับเงินบำนาญเป็นคริปโทเคอร์เรนซี
● คนในกลุ่ม Generation Z และ Alpha 1 ใน 5 คน เชื่อถือคริปโทเคอร์เรนซีเป็นหลักสำหรับแผนการเกษียณของพวกเขา แม้ว่าจะพิจารณาตัวเลือกอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ แผนการเกษียณของเอกชน และบัญชีออมทรัพย์แล้วก็ตาม
● คนรุ่นใหม่มากกว่า 40% ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีอยู่แล้ว ซึ่งเน้นย้ำถึงระดับการโต้ตอบกับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับสูง
● ผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม Generation Z และ Alpha ถึง 72.73% ไม่เข้าใจว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญนั้นลงทุนที่ไหนหรืออย่างไร การขาดการศึกษาทางการเงินอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำระบบบำเหน็จบำนาญแบบทางเลือกหรือแบบไฮบริดมาใช้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงระบบที่ใช้บล็อกเชนหรือคริปโทเคอร์เรนซีด้วย
ข้อมูลเบื้องต้น
สำหรับคนรุ่นใหม่ เครื่องมือการจัดการทางการเงินแบบดั้งเดิมไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมออีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมีทางเลือกอื่นๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะของพวกเขาได้ดีที่สุด โครงสร้างการธนาคารแบบดั้งเดิมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรากฐานสำคัญของการบริหารความมั่งคั่งสำหรับคนรุ่น Baby Boomer ตอนนี้กลับดูล้าสมัย มีราคาแพง และไม่มีประสิทธิภาพสำหรับคน Generation Z ถึง 54% [11] ซึ่งหลายๆ คนพร้อมที่จะย้ายจากการธนาคารแบบดั้งเดิมไปใช้งานแอปพลิเคชันการชำระเงินแบบ Peer-to-Peer และแบบโซเชียลมีเดียอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสู่แพลตฟอร์มการเงินทางเลือก
ค่าธรรมเนียมที่สูงและการขาดความโปร่งใสไม่เป็นที่ต้องการของคนรุ่นที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ในขณะเดียวกัน การเกิดขึ้นของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi), เทคโนโลยีบล็อกเชน และบริษัทโบรกเกอร์คริปโตต่างๆ ได้เปิดประตูสู่ระบบนิเวศทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้ใช้รุ่นเยาว์มากขึ้น
ผลการสำรวจของ Tink พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นคน Generation Z 31% เชื่อว่าธนาคารที่ตัวเองใช้บริการอยู่มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียพวกตนในฐานะลูกค้าไป หากไม่มีการอัปเดตเครื่องมือและบริการดิจิทัลของธนาคารตามมาตรฐานสมัยใหม่ [12] โดยเราสามารถพูดแบบเดียวกันนี้ได้กับระบบบำเหน็จบำนาญ
ภายในปี 2025 คาดว่าคน Generation Z จะมีสัดส่วนมากกว่า 25% ของกำลังแรงงานทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อพลวัตทางเศรษฐกิจทั่วโลก [13] และเมื่ออำนาจทางเศรษฐกิจของพวกเขาเติบโตขึ้น ความต้องการของพวกเขาก็กำลังพลิกโฉมเซกเตอร์การเงิน ส่งผลเป็นแรงกดดันต่อทั้งโครงการออมเงินบำนาญที่มีอยู่และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตให้ต้องปรับตัว มิฉะนั้นก็อาจเสี่ยงต่อการตกยุคได้ การแข่งขันนั้นกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสถาบันทางการเงินพยายามตอบสนองความต้องการของคนรุ่นที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนี้ นอกจากนี้ ธนาคารแบบดั้งเดิมกำลังนำบริการดิจิทัลเข้ามาใช้และผสานรวมเทคโนโลยีที่ใช้บล็อกเชน ขณะที่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตกำลังนำอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และมาตรการการปฏิบัติตามกฎระเบียบมาใช้เพื่อดึงดูดผู้คนในวงกว้างมากขึ้น
การปรากฏขึ้นของโมเดลทางการเงินแบบไฮบริดที่ผสมผสานความน่าเชื่อถือของธนาคารแบบดั้งเดิมกับนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัลเข้าด้วยกัน เน้นย้ำถึงแรงกดดันที่สถาบันเหล่านี้ต้องเผชิญ ความต้องการโซลูชันทางการเงินที่รวดเร็ว โปร่งใส และราคาไม่แพงของคน Generation Z ไม่เพียงแต่กำลังเปลี่ยนแปลงปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังกำหนดรูปร่างอนาคตของการเงินอีกด้วย เนื่องจากคนรุ่นนี้นิยมทางเลือกแบบกระจายศูนย์และดิจิทัลมากขึ้น พวกเขาจึงกำลังปูทางไปสู่การปฏิวัติทางการเงินที่จะส่งผลต่อผู้บริโภค ธุรกิจ และสถาบันต่างๆ ทั่วโลก
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความพร้อมของคน Generation Z และ Alpha ในการนำระบบบำเหน็จบำนาญแบบคริปโทเคอร์เรนซีมาใช้ วิเคราะห์เหตุผลเบื้องหลังที่เลือกใช้คริปโทเคอร์เรนซี และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อคริปโตและระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง
การวิเคราะห์ความต้องการของคนหนุ่มสาวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความเปิดกว้างและความไว้วางใจของคนในวัยนี้ที่มีต่อระบบบำเหน็จบำนาญทางเลือก รวมถึงให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของระบบที่มีในปัจจุบันอีกด้วย
ข้อมูลที่ได้จะช่วยให้สามารถศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของระบบบำเหน็จบำนาญที่ใช้บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลได้สะดวกขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการผสานรวมที่เป็นไปได้ของโซลูชันเหล่านี้เข้ากับกรอบงานที่มีอยู่ด้วย การเข้าใจความต้องการของคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจนอาจให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่รัฐบาล สถาบันการเงิน และผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีเกี่ยวกับวิธีการออกแบบหรือปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญ
นอกจากนี้ การตรวจสอบปัจจัยทางวัฒนธรรมและจิตวิทยาที่ส่งผลต่อความไว้วางใจในระบบการเงินแบบดั้งเดิมจะช่วยให้เข้าใจค่านิยมและความคาดหวังทางการเงินของคน Generation Z และ Generation Alpha ได้ดีขึ้น ความเข้าใจดังกล่าวสามารถส่งเสริมความรู้และโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินให้มากขึ้นได้
แหล่งที่มาของข้อมูลและระเบียบวิธี
การศึกษานี้มุ่งเน้นที่การสำรวจมุมมองของคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ในกลุ่ม Generation Z และ Generation Alpha เป็นหลัก และใช้ทฤษฎีการแบ่งกลุ่มรุ่นของ Strauss-Howe (The Strauss-Howe Generational Theory) ในการแบ่งกลุ่มรุ่นเหล่านี้ [1, 2] ซึ่งมีการนิยาม* ไว้ดังต่อไปนี้
● Generation Alpha: อายุไม่เกิน 10 ปี
● Generation Z: อายุ 11-27 ปี
● Millennial: อายุ 28-43 ปี
● Generation X: อายุ 44-59 ปี
● Baby Boomer: อายุ 60-79 ปี
● Silent Generation: อายุ 80 ปีขึ้นไป
*อายุทั้งหมด ณ ปี 2024
ตลอดปี 2024 Bitget ได้ดำเนินการสำรวจใน 3 รูปแบบหลัก:
แบบสำรวจออนไลน์ (แบบฟอร์มดิจิทัลที่ไม่ระบุตัวตน)
เครื่องมือ: แพลตฟอร์มอย่าง Google Forms, Typeform และ SurveyMonkey
มีการเผยแพร่ลิงก์ผ่านทางอีเมลและโซเชียลมีเดีย ช่วยให้สามารถรวบรวมตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากและหลากหลายจากกลุ่มอายุต่างๆ ได้ แต่ในเวลาเดียวกัน ไม่มีการเก็บรวบรวม IP Address, ที่อยู่อีเมล, ข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ หรือข้อมูลระบุตัวตนอื่นใด เพื่อรักษาลักษณะการไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ตอบแบบสอบถามเอาไว้
แบบสำรวจบนโซเชียลมีเดีย
แพลตฟอร์ม: Instagram, X (เดิมชื่อ Twitter)
โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในกลุ่ม Generation Z และ Alpha ทำให้เข้าถึงผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายอายุได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น โซเชียลมีเดียยังทำให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้หลายล้านคนได้อย่างรวดเร็วและยังทำให้ได้รับคำตอบที่ละเอียดยิ่งขึ้นผ่านแบบสำรวจภายนอก
ระบบส่งข้อความแบบไม่ระบุตัวตนหรือระบบแชทบอท
เครื่องมือ: บอทของ Telegram
วิธีการนี้ไม่ได้รวบรวมตัวระบุผู้ใช้หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เครื่องมือนี้ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการตอบแบบสำรวจเพื่อลดข้อเสนอแนะเชิงลบจากผู้เข้าร่วม ดังนั้น ความเป็นตัวแทนที่ดี (Representativeness) ของการสำรวจจึงยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากผลลัพธ์ไม่ได้ถูกบิดเบือนจากความไม่เต็มใจของผู้ตอบแบบสอบถามจากการต้องใช้เวลากับตอบแบบสอบถามนานเกินไป
ฐานข้อมูลการสำรวจประกอบด้วยกลุ่มอายุต่างๆ และข้อมูลจากแบบสอบถามที่มีการตอบครบถ้วน 34,382 ชุด (ภาคผนวก A) โดยมีคำถามที่ออกแบบมาเพื่อระบุว่าผู้ตอบแบบสอบถามเหล่านี้อยู่ในกลุ่ม Gen Z และ Alpha หรือไม่ เมื่อรวบรวมข้อมูลแล้ว ข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุน้อยกว่ากลุ่ม Millennial จะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ โดยกลุ่มนี้คิดเป็น 48.55% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด (16,691 คน) (รูปที่ 1) การวิเคราะห์จะแบ่งการประเมินตามเกณฑ์ต่างๆ หลายประการ เช่น ระดับความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการเข้าถึง ความโปร่งใส ความยืดหยุ่น และอื่นๆ
รูปที่ 1: โครงสร้างอายุโดยทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
การวิเคราะห์
ความเข้าใจในระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมและทัศนคติต่อระบบดังกล่าว
คำถามเบื้องต้นในการสำรวจนั้นออกแบบมาเพื่อประเมินความเข้าใจทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเงินบำนาญ โดยใช้คำว่า “คุณคุ้นเคยกับแนวคิดเรื่องเงินบำนาญโดยทั่วไปมากเพียงใด” (รูปที่ 2)
รูปที่ 2: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณคุ้นเคยกับแนวคิดเรื่องเงินบำนาญโดยทั่วไปมากเพียงใด”
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 1 ใน 5 ไม่มีความเข้าใจหัวข้อนี้แม้แต่ผิวเผิน ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้
● การขาดโครงการการศึกษาที่ครอบคลุมเรื่องเงินบำนาญ
● การขาดความสนใจต่อเงินบำนาญแบบดั้งเดิมของคนรุ่นใหม่
● ความไว้วางใจต่อรัฐบาลที่ต่ำในหมู่คนหนุ่มสาวและความกังขาที่เพิ่มมากขึ้นต่ออนาคตของเงินบำนาญ
● ตัวอย่างเชิงลบของระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพต่ำภายในครอบครัวหรือในกลุ่มคนรู้จัก ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบดังกล่าวดูไม่จำเป็น
● ความซับซ้อนของระบบบำเหน็จบำนาญในบางประเทศ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาในเชิงลึก
มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 1 ใน 3 (32.8%) เท่านั้นที่มั่นใจในความรู้ของตน ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยของ Phoenix Insights ที่สรุปว่าผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักร 58% มีความมั่นใจต่ำในความรู้เรื่องเงินบำนาญ และ 28% รายงานว่ารู้เพียงเล็กน้อยหรือไม่รู้เลยเกี่ยวกับเงินบำนาญ [3]
ผลลัพธ์จากคำถามแรกได้รับการยืนยันด้วยคำตอบของคำถาม 2 ข้อถัดไป (รูปที่ 3, รูปที่ 4, รูปที่ 5)
รูปที่ 3: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณคุ้นเคยกับระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมในประเทศของคุณมากเพียงใด”
รูปที่ 4: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณมั่นใจในความรู้ของคุณเกี่ยวกับโครงการบำเหน็จบำนาญของรัฐบาลมากเพียงใด”
รูปที่ 5: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณเข้าใจหรือไม่ว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญมีการลงทุนอย่างไรในการสร้างผลตอบแทนเพื่อนำมาจ่ายเงินบำนาญ”
ที่น่าสังเกตคือ การศึกษาวิจัยของ The Pew Charitable Trusts มีความสัมพันธ์กับค่าที่ได้และบ่งบอกว่ามีพนักงานเพียง 25% เท่านั้น (ตามอายุ) ที่อ่านและเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินเข้าบัญชีเงินบำนาญ [4] ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจที่จำกัดเกี่ยวกับรายละเอียดของแผนบำเหน็จบำนาญในหมู่คนหนุ่มสาว
เราอาจสันนิษฐานได้ว่าแง่มุมที่เป็นทฤษฎีของเงินบำนาญและกลยุทธ์การลงทุนต่างๆ นั้นไม่ได้รับการสื่อสารอย่างดีหรือไม่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ ในขณะเดียวกัน 78.8% ไม่เคยค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบบำเหน็จบำนาญ ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินบำนาญแบบดั้งเดิมอาจไม่ตอบโจทย์ลำดับความสำคัญหรือผลประโยชน์ทางการเงินของคน Generation Z และ Alpha (รูปที่ 6)
รูปที่ 6: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณเคยค้นคว้าหาข้อมูลหรือไม่ว่าระบบบำเหน็จบำนาญมีการจัดหาเงินทุนและดูแลอย่างไร”
สัดส่วนที่สูงของผู้ตอบแบบสอบถามที่ “ไม่คุ้นเคยเลย” กับประเด็นสำคัญต่างๆ (เช่น กลไกของระบบ กลยุทธ์การลงทุน) บ่งชี้ว่าระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมนั้นถือว่าไม่โปร่งใส ซับซ้อน หรือไม่เหมาะสมกับช่วงชีวิตปัจจุบันของพวกเขา ระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมอาจไม่ได้รับการมองว่าเหมาะสมหรือน่าดึงดูดใจสำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจให้ความสำคัญกับเป้าหมายทางการเงินที่ทันใจมากขึ้นหรือเครื่องมือการออมที่ยืดหยุ่นและทันสมัย
คนกลุ่ม Generation Z และ Alpha ขาดความตระหนักและความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม ซึ่งช่องว่างนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการให้ความรู้เรื่องเงินบำนาญที่เรียบง่ายและเข้าถึงได้สำหรับกลุ่มคนอายุน้อย
การเปลี่ยนแปลงจากระบบแบบดั้งเดิมทำให้มีโอกาสในการเลือกใช้โซลูชันด้านบำเหน็จบำนาญทางเลือก เช่น ระบบบำเหน็จบำนาญที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี เพื่อดึงดูดความสนใจจากคนในรุ่นเหล่านี้ ความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมของคริปโตอาจเหมาะกับความต้องการของพวกเขามากกว่า
คนรุ่นใหม่อาจมองว่าเงินบำนาญแบบดั้งเดิมนั้นล้าสมัยไปแล้ว การสื่อสารที่โปร่งใส แพลตฟอร์มที่ทันสมัย และการเน้นย้ำว่าเงินบำนาญมีความสอดคล้องอย่างไรกับอนาคตทางการเงินของพวกเขาสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมได้ และความเชื่อมั่นที่ต่ำในระบบแบบดั้งเดิมอาจมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงความต้องการไปสู่โซลูชันที่มีการกระจายศูนย์หรือการจัดการด้วยตนเองมากขึ้น
การวางแผนเพื่อการเกษียณ
ในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่อายุน้อยกว่ากลุ่ม Millennial นั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาลังเลที่จะพึ่งพาการทำงานในช่วงวัยชรา โดยหลายคนเริ่มคิดที่จะออมเงินไว้สำหรับการเกษียณแล้ว เห็นได้ชัดจากคำตอบของคำถามที่ว่า “คุณเคยคิดที่จะออมเงินไว้สำหรับการเกษียณหรือไม่” (รูปที่ 7) ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 28 ปี จำนวน 76.47% เคยพิจารณาเรื่องการออมเพื่อการเกษียณ ที่น่าสังเกตคือ มี 33.52% ที่ระบุว่าได้จัดทำแผนออมเงินสำหรับการเกษียณไว้แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวน 1 ใน 3 มีแนวทางเชิงรุก อย่างไรก็ตาม สัดส่วนที่สำคัญ (42.97%) ยอมรับว่าแม้ว่าจะเคยคิดเรื่องการออมเงินเพื่อการเกษียณ แต่ก็ยังไม่ได้วางแผน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า แม้ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากจะตระหนัก แต่มีการดำเนินการที่ล่าช้า
รูปที่ 7: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณเคยคิดที่จะออมเงินไว้สำหรับการเกษียณหรือไม่”
ในทางกลับกัน ผู้ตอบแบบสอบถาม 23.52% ระบุว่าการออมเพื่อการเกษียณไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพวกเขาในขณะนี้ กลุ่มนี้อาจสะท้อนถึงบุคคลที่มีข้อจำกัดทางการเงินหรือมองว่าการวางแผนการเกษียณเป็นเรื่องไกลตัวเนื่องจากยังอายุน้อย การขาดการดำเนินการทันทีในหมู่คนหนุ่มสาว 1 ใน 5 ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้วิธีการใหม่ๆ ในการให้ความรู้และสื่อสารกับประชากรกลุ่มนี้ในการวางแผนอนาคตทางการเงิน
ข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ ในขณะที่คนรุ่นใหม่มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายในระยะสั้น แต่คน 1 ใน 3 (33.52%) ได้วางแผนระยะยาวไว้แล้ว แนวโน้มนี้อาจมีสาเหตุมาจากการเข้าถึงเนื้อหาความรู้ทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นของอินฟลูเอนเซอร์ด้านการเงินส่วนบุคคล และความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สถิติที่เกี่ยวข้องกับคำถาม “ผู้คนควรเริ่มออมเงินเพื่อการเกษียณตั้งแต่อายุเท่าไร” แสดงอยู่ในรูปที่ 8 ซึ่งเผยให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนในกลุ่ม Generation Z และ Alpha ในการวางแผนการเกษียณก่อนกำหนด คนส่วนใหญ่ (41.24%) เชื่อว่าประชาชนควรเริ่มต้นออมเงินเพื่อการเกษียณตั้งแต่อายุ 18 ปี การค้นพบนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่างรุ่น เนื่องจากคนรุ่นก่อนๆ มักเริ่มออมเงินสำหรับการเกษียณในช่วงอายุที่มากขึ้น โดยมักจะอยู่ในช่วงอายุ 30 หรือ 40 ปี จากผลการศึกษาของ Northwestern Mutual พบว่าอายุเฉลี่ยของคนอเมริกันที่เริ่มออมเงินเพื่อการเกษียณคือ 31 ปี [5] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกในกลุ่ม Generation Z แจ้งว่าเริ่มออมตั้งแต่อายุ 22 ปี ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศเกือบ 10 ปี ในทางตรงกันข้าม คนรุ่น Baby Boomer เริ่มต้นออมเมื่อมีอายุเฉลี่ย 37 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการวางแผนการเกษียณก่อนกำหนดที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่
รูปที่ 8: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณคิดว่าคนเราควรเริ่มออมเงินเพื่อการเกษียณเมื่ออายุเท่าไร”
ผู้ตอบแบบสอบถามอีก 20.6% เชื่อว่าอายุที่เหมาะสมในการเริ่มออมเงินคือระหว่าง 18 ถึง 25 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังในการสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงเมื่อถึงอายุดังกล่าว คนส่วนใหญ่ (61.83%) เข้าใจว่าจังหวะเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นการออมคือก่อนอายุ 25 ปี ในทางตรงกันข้าม ผู้ตอบแบบสอบถาม 19.26% เชื่อว่าจำเป็นต้องออมเงินตั้งแต่อายุ 26 ปีเป็นต้นไป ที่น่าสังเกตคือ คำตอบของกลุ่มนี้แทบจะเหมือนกันกับผู้ตอบแบบสอบถาม 18.9% ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ความไม่มั่นใจต่ออนาคตที่แพร่หลายมีความเด่นชัดในหมู่คนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับแนวคิดในการเลื่อนการออมเงินเกษียณออกไป ทัศนคติเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ซึ่งมีผลมาจากภาวะเงินเฟ้อ ความผันผวนของตลาด และการขาดความไว้วางใจในระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม
การเปลี่ยนแปลงไปสู่การออมตั้งแต่เนิ่นๆ นี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากผลสำรวจของ Voya Financial ที่พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหนึ่งเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 18 ถึง 34 ปี ซึ่งอายุเฉลี่ยคือ 28 ปี [6] แม้จะเป็นเช่นนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 64% ได้แสดงความเสียใจที่ไม่ได้เริ่มออมเงินก่อนอายุ 25 ปี ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแพร่หลายในการเริ่มวางแผนสำหรับการเกษียณให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก คนรุ่นใหม่มีความตระหนักรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการออมเงินเพื่อการเกษียณก่อนกำหนด ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากการเข้าถึงการศึกษาทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้นและภูมิทัศน์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ทัศนคติต่อคริปโทเคอร์เรนซี (การรับรู้ถึงบทบาทของคริปโตในการออมเงินบำนาญ)
ผลการสำรวจเผยให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่ม Gen Z และ Alpha จำนวน 93.92% เคยได้ยินเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีมาก่อน โดยสกุลเงินที่คุ้นเคยที่สุดคือ Bitcoin และ Ethereum (รูปที่ 9) ในกลุ่มนี้ 52.7% ระบุว่าตนเอง “คุ้นเคยกับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นอย่างมาก” ในขณะที่ 41.23% ยอมรับว่าเข้าใจเพียงคลุมเครือเท่านั้น
รูปที่ 9: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี (เช่น Bitcoin, Ethereum) หรือไม่”
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีบล็อกเชนกับการเงินหรือการลงทุน ผู้ตอบแบบสอบถาม 91.56% ระบุว่าพวกเขามีความเข้าใจในระดับหนึ่ง (รูปที่ 10) อย่างไรก็ตาม ความลึกซึ้งของความเข้าใจนั้นแตกต่างกันอย่างมาก โดย 33.59% รายงานว่ามีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับบทบาทของบล็อกเชนในการทำให้ใช้งานการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi) ได้ ในขณะที่ 57.97% กล่าวว่าพวกเขามีความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับการใช้งานเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของ Blockchain Technology News ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีราว 60% ยอมรับว่าพวกเขาไม่เข้าใจเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger) ที่อยู่เบื้องหลังคริปโทเคอร์เรนซีจำนวนมาก [7] อย่างถ่องแท้
รูปที่ 10: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณรู้หรือไม่ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนเกี่ยวข้องกับการเงินหรือการลงทุนอย่างไร”
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามรุ่นเยาว์ 86.95% กำลังพิจารณาใช้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือในการออมหรือการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาว (รูปที่ 11) ในจำนวนนี้ มี 40.97% ที่แสดงความสนใจอย่างมาก โดยระบุว่ากำลังสำรวจตัวเลือกคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อการเกษียณหรือการลงทุนในอนาคตอย่างจริงจัง
รูปที่ 11: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “คุณเคยพิจารณาใช้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือในการออมหรือการลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาวหรือไม่”
ข้อมูลนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่างรุ่นในการวางแผนทางการเงิน โดยผู้ตอบแบบสอบถามรุ่นเยาว์เกือบ 90% เปิดใจหรือกำลังใช้คริปโทเคอร์เรนซีอย่างจริงจังเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ตัวเลขเหล่านี้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับตัวเลขที่รายงานในการสำรวจของ Policygenius ซึ่งดำเนินการในเดือนตุลาคม 2023 [8] ซึ่งรายงานว่ามีตัวแทนคน Generation Z เพียง 21% ในสหรัฐอเมริกาที่ถือคริปโทเคอร์เรนซี การเติบโตอย่างฉับพลันนี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการดังนี้
● ขั้นตอนที่เรียบง่ายสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี
● การทำให้คริปโทเคอร์เรนซีได้รับความนิยมมากขึ้นผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กที่คนรุ่นใหม่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
● แคมเปญด้านการศึกษาโดยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตและสถาบันทางการเงิน
● การเปลี่ยนแปลงราคาไม่นานนี้ของคริปโทเคอร์เรนซีหลายๆ รายการ ทำให้เกิดความสนใจในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่ที่มีความทะเยอทะยาน
● ความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลก รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจากการออมแบบดั้งเดิมที่ลดลง
● อิทธิพลทางสังคม ที่การมีส่วนร่วมในกลยุทธ์การลงทุนที่เป็นกระแสนิยมในกลุ่มเพื่อนได้ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่พิจารณาคริปโทเคอร์เรนซีว่าเป็นส่วนสำคัญในการลงทุนสมัยใหม่
● การใช้งานในระดับสถาบันและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น ETF คริปโต
● การเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยี DeFi และ Web3 ซึ่งทำให้สามารถใช้สินทรัพย์คริปโตนอกเหนือไปจากเพียงการเก็งกำไร
● ความชอบของกลุ่มคนรุ่นที่ใช้สื่อดิจิทัลมากที่สุด (Z และ Alpha) ต่อเครื่องมือทางการเงินที่สอดคล้องกับค่านิยมด้านความครอบคลุม ความโปร่งใส และการกระจายศูนย์
ความไว้วางใจในระบบการเงินสำหรับการออมเพื่อการเกษียณ
ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม Generation Z และ Alpha 21.9% ไว้วางใจระบบบำนาญของรัฐมากที่สุดสำหรับการออมเพื่อเกษียณของพวกเขา (รูปที่ 12) ซึ่งบ่งชี้ว่าคนหนุ่มสาวจำนวนมากยังคงพึ่งพาแผนบำเหน็จบำนาญของรัฐแบบดั้งเดิม แม้จะมีระบบการเงินทางเลือกอื่นๆ เกิดขึ้นก็ตาม อิทธิพลของคนรุ่นเก่าและความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามเหล่านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงความชอบในการออมเงินบำนาญเป็นเวลานาน และทำให้พวกเขามองข้ามข้อเสียสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนเหล่านี้ไป
รูปที่ 12: การแจกแจงเปอร์เซ็นต์ของคำตอบสำหรับคำถาม “ระบบการเงินใดที่คุณไว้วางใจมากที่สุดในการเก็บรักษาเงินออมเพื่อการเกษียณของคุณ”
คนส่วนใหญ่ (79.1%) ชอบทางเลือกอื่นที่นอกเหนือไปจากระบบบำนาญแบบดั้งเดิม คนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความกังวลเกี่ยวกับความไม่มีประสิทธิภาพที่รู้สึกได้ของสถาบันทางการเงินแบบดั้งเดิมและของโครงการบำเหน็จบำนาญของรัฐ โดยอ้างถึงภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนในตลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของพวกเขา ในขณะเดียวกัน มีทางเลือก 3 ทางที่ได้รับคะแนนโหวตเกือบเท่าๆ กัน คือ อสังหาริมทรัพย์หรือสินทรัพย์ที่จับต้องได้อื่นๆ แผนการเกษียณของเอกชน และการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี
การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน International Review of Finance เมื่อกลางปี 2024 ระบุว่าผู้ที่มีความมั่นใจต่ำต่อระบบบำเหน็จบำนาญมีแนวโน้มที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเลือกในการรักษาเงินออมสำหรับเกษียณ [9] ดังนั้นนักลงทุนจึงพยายามปกป้องตนเองโดยการใช้สินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความผันผวนต่ำ (ตามความเห็นของตนเอง) ด้วยแรงจูงใจดังกล่าว ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในอันดับที่ 2 โดยมีส่วนต่างเล็กน้อย (23.02%)
20.8% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขาพึ่งพาแผนการเกษียณที่ได้รับการสนับสนุนจากนายจ้าง เช่น 401(k) ซึ่งแผนเหล่านี้เสนอการควบคุมและความยืดหยุ่น ช่วยให้แต่ละบุคคลสามารถปรับแต่งพอร์ตให้เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายการเกษียณที่เฉพาะเจาะจงของตนเองได้ ในทำนองเดียวกัน การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งพอร์ตของตนเองได้ตามความต้องการส่วนบุคคล นอกจากนี้ 401(k) และ IRA ยังใช้ประโยชน์จากการเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับอย่างดี โดยมีเพื่อนร่วมงานอาวุโส ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงหลายคนคุ้นเคยกับข้อดีของระบบเหล่านี้เป็นอย่างดีแล้ว นี่เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจจากพนักงานงานรุ่นเยาว์ที่มีประสบการณ์น้อยกว่า รวมถึงสมาชิกกลุ่ม Generation Z และ Alpha
ในช่วงต้นทศวรรษที่แล้ว การใช้คริปโทเคอร์เรนซีเพื่อจ่ายเงินบำนาญยังไม่ได้รับการพิจารณาแม้แต่ในระดับระหว่างบุคคล แต่ในปี 2024 ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้จริงแม้กระทั่งในระดับรัฐ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Financial Innovation หัวข้อ “Cryptocurrencies as Pension Fund Components: Smart Move or Misstep?” (คริปโทเคอร์เรนซีเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนบำเหน็จบำนาญ: ก้าวที่ฉลาดหรือก้าวที่พลาด) ก่อนหน้านี้ได้สำรวจความเป็นไปได้ของการรวมคริปโทเคอร์เรนซีไว้ในพอร์ตของกองทุนบำเหน็จบำนาญ [10] ศักยภาพที่แสดงให้เห็นในการวางแผนการเกษียณระยะยาวและความสามารถในการเพิ่มผลตอบแทนในพอร์ตของกองทุนบำเหน็จบำนาญในอนาคตอาจดึงดูดผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากให้เข้ามามีส่วนร่วม โดยในปี 2024 ผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม Generation Z และ Alpha จำนวน 20.59% มองว่าการเกษียณในอนาคตจะมีสินทรัพย์คริปโต, Decentralized Finance (การเงินแบบกระจายศูนย์) และโซลูชันบล็อกเชนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
บทสรุป
การศึกษานี้แสดงให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับมุมมองทางการเงินและความชอบของคน Generation Z และ Generation Alpha รวมถึงความเปิดกว้างต่อระบบบำเหน็จบำนาญทางเลือก และโซลูชันที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี
คนรุ่นใหม่กว่า 20% ไม่คุ้นเคยกับระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม ซึ่งรวมถึงกลไก กลยุทธ์การลงทุน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของระบบด้วย การขาดความคุ้นเคยนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความพยายามด้านการศึกษาที่ไม่เพียงพอและการขาดความโปร่งใสในระบบเหล่านี้ ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากมองว่าระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมนั้นล้าสมัย ซับซ้อน หรือไม่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของตน ส่งผลให้การมีส่วนร่วมและความเชื่อมั่นในระบบเหล่านี้อยู่ในระดับต่ำ (มีผู้ตอบแบบสอบถามรุ่นเยาว์เพียง 21.9% เท่านั้นที่มีความเชื่อมั่นในระดับสูงต่อระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม)
การศึกษานี้เน้นย้ำว่า แม้ว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในกลุ่ม Generation Z และ Alpha จะเคยคิดเกี่ยวกับการออมเงินสำหรับการเกษียณแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีจำนวนมากที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการอย่างเฉพาะเจาะจง (42.97% ไม่มีแม้แต่แผนการดำเนินการที่เฉพาะเจาะจงด้วยซ้ำ) แม้ว่าจะมีความคิดเชิงรุก แต่ข้อจำกัดทางการเงิน และลำดับความสำคัญในระยะสั้นต่างๆ ที่แข่งขันกัน มักจะขัดขวางไม่ให้คนหนุ่มสาววางแผนระยะยาว อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เริ่มตระหนักมากขึ้นถึงความสำคัญของการเริ่มออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ โดยหลายคนสนับสนุนให้ออมเงินตั้งแต่อายุ 18 ปี (41.24%)
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อย่างน้อยก็เคยได้ยินเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี และมีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่พิจารณาว่าตนเองคุ้นเคยกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (52.7%) ซึ่งบ่งบอกถึงความตระหนักรู้ในระดับสูงเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ๆ ในหมู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตในสภาพแวดล้อมดิจิทัลของพวกเขา นอกจากนี้ คริปโทเคอร์เรนซียังถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ทันสมัย โปร่งใส และยืดหยุ่น ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจแทนระบบการเงินแบบดั้งเดิม
การศึกษาพบว่า 20.59% ของคน Generation Z และ Alpha ไว้วางใจในคริปโทเคอร์เรนซีสำหรับการออมเงินเกษียณ ความเปิดกว้างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์และความสอดคล้องกับค่านิยมต่างๆ เช่น ความโปร่งใส ความยืดหยุ่น และนวัตกรรม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆ เช่น ความผันผวน ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ และข้อกังวลด้านความปลอดภัยก็ยังจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเพื่อการใช้งานที่แพร่หลาย
คนรุ่นใหม่สนใจโซลูชันบำเหน็จบำนาญที่ให้ความสามารถในการปรับตัวและโปร่งใส ในขณะที่ความซับซ้อนทางเทคโนโลยีก็เป็นคุณลักษณะที่น่าดึงดูดใจ เงินบำนาญที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซีนั้นสะท้อนถึงความต้องการเหล่านี้ โดยเป็นเครื่องหมายแทนการแหวกออกจากโครงสร้างแบบรวมศูนย์ที่ไม่ยืดหยุ่น
ผลการวิจัยเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่รัฐบาล สถาบันการเงิน และผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีจะต้องพิจารณาทบทวนระบบบำเหน็จบำนาญที่มีอยู่ การลดความซับซ้อนของระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม การเพิ่มความรู้ทางการเงิน และการนำโซลูชันที่ใช้บล็อกเชนมาใช้สามารถช่วยลดช่องว่างด้านความไว้วางใจกับคนรุ่นใหม่ได้ นอกจากนี้ การแก้ไขข้อกังวลด้านกฎระเบียบและการทำให้เกิดความมั่นใจในด้านความเสถียรในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีก็ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการบูรณาการเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับระบบบำเหน็จบำนาญ
ความเต็มใจของคน Generation Z และ Alpha ในการสำรวจเงินบำนาญในรูปแบบคริปโทเคอร์เรนซีบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในวิธีการจัดการเงินออมสำหรับการเกษียณในอนาคต ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยให้โซลูชันบำเหน็จบำนาญมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเน้นที่ผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม การจะบรรลุวิสัยทัศน์นี้ได้ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อสร้างระบบที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้
แนวโน้มสำหรับการวิจัยในอนาคต
● เหตุผลที่คนรุ่นใหม่ขาดการศึกษาเรื่องบำเหน็จบำนาญ การตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างระดับการศึกษาและความต้องการใช้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือในการออมเงินเพื่อการเกษียณ
● การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์ความแตกต่างในแต่ละภูมิภาคเพื่อเน้นย้ำถึงประโยชน์ของโครงการบำเหน็จบำนาญแบบคริปโต
● ผลกระทบจากความผันผวนของตลาด การตรวจสอบว่าความผันผวนมีผลกระทบต่อความเต็มใจของคน Generation Z และ Alpha ในการนำเงินบำนาญแบบคริปโทเคอร์เรนซีมาใช้อย่างไร
● บทบาทของ Stablecoin และ CBDC การสำรวจศักยภาพของ Stablecoin และ CBDC ในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมและระบบบำเหน็จบำนาญที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี
● ติดตามการใช้งานตามระยะเวลา ดำเนินการวิจัยอย่างต่อเนื่องในเรื่องการผสานรวมเงินบำนาญแบบคริปโทเคอร์เรนซีตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบและเทคโนโลยี
การอธิบายภายในเกี่ยวกับตัวเลขและระเบียบวิธี
แบบสอบถามมีทั้งหมด 11 ข้อ โดยอ้างอิงงานวิจัยที่มีอยู่เกือบทั้งหมด
หากจะบอกว่าคำถามข้อใดป็นคำถามหลัก ก็ต้องบอกว่าเป็นคำถามสุดท้าย: “ระบบการเงินใดที่คุณไว้วางใจมากที่สุดในการเก็บรักษาเงินออมเพื่อการเกษียณของคุณ” จากข้อนี้ เราเรียนรู้ว่ามี 20.59% ที่ไว้วางใจการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีมากที่สุด
ตัวเลข 20.59% นั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ การศึกษาก่อนหน้าได้เน้นย้ำถึงเปอร์เซ็นต์ของคนที่อาจรวมคริปโทเคอร์เรนซีไว้ในพอร์ตการออมเพื่อการเกษียณของตน:
Investopedia: คริปโทเคอร์เรนซีในบัญชีเพื่อการเกษียณ: 1/3 ในอินโดนีเซีย
FinanceBuzz: การสำรวจการเกษียณ: 44% ในสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ประเทศเหล่านี้มีความก้าวหน้าค่อนข้างมากในด้านการใช้งานคริปโทเคอร์เรนซี ดังนั้นตัวเลขเหล่านี้จึงถือเป็นขีดจำกัดสูงสุด และเนื่องจากการสำรวจนี้ไม่ได้ระบุเจาะจงตามภูมิศาสตร์ จึงรวมผู้เข้าร่วมจากประเทศที่มีการใช้งานคริปโทเคอร์เรนซีต่ำหรือมีการกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซีที่เข้มงวด ส่งผลให้ตัวเลขจริงไม่น่าจะเกิน 30% ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ของคนที่รวมส่วนใดส่วนหนึ่งของคริปโทเคอร์เรนซีไว้ในพอร์ตการเกษียณของตน เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ไว้วางใจคริปโทเคอร์เรนซีมากกว่าเครื่องมืออื่นควรน้อยกว่านี้มาก
หากเรานำการศึกษาเกี่ยวกับความไว้วางใจในวิธีการออมเงินเพื่อการเกษียณอื่นๆ (เช่น แผนแบบดั้งเดิม แผนการเกษียณของเอกชน บัญชีออมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์) มาซ้อนทับข้อมูลนี้ สัดส่วนที่เหลือสำหรับคริปโตจะอยู่ในช่วง 10% ถึง 30% ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา ฉันเลือกค่าเฉลี่ย
ด้วยแนวทางนี้ การศึกษาสามารถใช้ 20.59% เป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำได้ ซึ่งหมายความว่า หากมีคนจำนวน 20% ไว้วางใจคริปโตมากที่สุด คน 80% ที่เหลือก็อาจใช้คริปโตในระดับหนึ่งสำหรับการออมเพื่อการเกษียณ (ตั้งแต่ 1 ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ด้วยเช่นกัน
ที่มา:
1. https://www.finder.com/cryptocurrency/cryptocurrency-statistics
2. https://www.jstor.org/stable/2505170?origin=crossref
4. https://www.nber.org/system/files/working_papers/w7368/w7368.pdf
6. https://www.investopedia.com/most-people-wish-they-started-saving-for-retirement-earlier-8681428
8. https://blockworks.co/news/survey-genz-more-likely-to-hold-crypto-than-stocks
9. https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1111/irfi.12471
11. https://gocardless.com/en-us/blog/americans-ditch-traditional-banks-for-peer-to-peer
12. https://tink.com/blog/news/2024-consumer-banking-insights/
การใช้งาน
ภาคผนวก A
แบบสำรวจ
คำถาม |
ตัวเลือกคำตอบ |
A. ความคุ้นเคยกับระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม |
|
คุณคุ้นเคยกับแนวคิดเรื่องเงินบำนาญโดยทั่วไปมากเพียงใด |
คุ้นเคยมาก |
|
พอคุ้นเคยอยู่บ้าง |
|
ไม่คุ้นเคยเลย |
คุณคุ้นเคยกับระบบบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิมในประเทศของคุณมากเพียงใด |
คุ้นเคยมาก |
|
พอคุ้นเคยอยู่บ้าง |
|
ไม่คุ้นเคยเลย |
คุณมีความมั่นใจเพียงใดในความรู้ของคุณเกี่ยวกับโครงการบำเหน็จบำนาญของรัฐบาล (เช่น ประกันสังคม) |
มั่นใจมาก |
|
พอมั่นใจอยู่บ้าง |
|
ไม่มั่นใจเลย |
คุณเข้าใจหรือไม่ว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญมีการลงทุนอย่างไรในการสร้างผลตอบแทนเพื่อนำมาจ่ายเงินบำนาญ |
เข้าใจอย่างละเอียด |
|
เข้าใจอยู่บ้าง |
|
ไม่เข้าใจเลย |
คุณเคยค้นคว้าหาข้อมูลหรือไม่ว่าระบบบำเหน็จบำนาญมีการจัดหาเงินทุนและดูแลอย่างไร |
เคยค้นคว้าอย่างเจาะลึก |
|
เข้าใจอยู่บ้าง |
|
ไม่เคย |
B. ความตระหนักรู้ในปัจจุบันเกี่ยวกับการวางแผนการเกษียณ |
|
คุณเคยคิดที่จะออมเงินไว้สำหรับการเกษียณหรือไม่ |
ใช่ ฉันมีแผนแล้ว |
|
ใช่ แต่ฉันยังไม่มีแผน |
|
ไม่เคย เพราะไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับฉันในตอนนี้ |
คุณคิดว่าคนเราควรเริ่มออมเงินเพื่อการเกษียณเมื่ออายุเท่าไร |
น้อยกว่า 18 ปี |
|
18-25 ปี |
|
26-35 ปี |
|
36 ปีขึ้นไป |
|
ไม่แน่ใจ |
คุณทราบเกี่ยวกับบทบาทของแผนบำเหน็จบำนาญของเอกชนในการเป็นส่วนเสริมให้กับเงินบำนาญของรัฐบาลหรือไม่ |
ทราบดี |
|
พอทราบอยู่บ้าง |
|
ไม่ทราบเลย |
C. ความคุ้นเคยกับคริปโทเคอร์เรนซีและการเงินดิจิทัล |
|
คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี (เช่น Bitcoin, Ethereum) หรือไม่ |
เคย ฉันมีความคุ้นเคยกับเรื่องนี้อย่างละเอียด |
|
เคย แต่ฉันมีเพียงความรู้พื้นฐานเท่านั้น |
|
ไม่เคย ฉันไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้เลย |
คุณรู้หรือไม่ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนเกี่ยวข้องกับการเงินหรือการลงทุนอย่างไร |
เข้าใจอย่างละเอียด |
|
เข้าใจอยู่บ้าง |
|
ไม่เคย |
คุณเคยพิจารณาใช้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือในการออมหรือการลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาวหรือไม่ |
เคย ฉันเคยใช้แล้ว |
|
เคย แต่ยังไม่ได้เริ่มใช้ |
|
ไม่เคย ไม่เคยพิจารณาเลย |
D. ความรู้เกี่ยวกับทางเลือกในการเกษียณ |
|
คุณทราบเกี่ยวกับวิธีอื่นในการออมเงินเพื่อการเกษียณนอกเหนือจากเงินบำนาญแบบดั้งเดิม (เช่น IRA, คริปโต) หรือไม่ |
ทราบดี |
|
พอทราบอยู่บ้าง |
|
ไม่ทราบเลย |
คุณคิดว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิมมีเครื่องมือที่เพียงพอสำหรับการวางแผนการเกษียณหรือไม่ |
ใช่ เพียงพออย่างแน่นอน |
|
เข้าใจอยู่บ้าง |
|
ไม่เพียงพอ |
คุณค้นหาข้อมูลอย่างจริงจังเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลและการวางแผนการเกษียณบ่อยเพียงใด |
เป็นประจำ (อย่างน้อยเดือนละครั้ง) |
|
เป็นครั้งคราว (ไม่กี่ครั้งต่อปี) |
|
นานๆ ครั้ง (ปีละครั้งหรือน้อยกว่า) |
|
ไม่เคยเลย |
E. ความชอบและความไว้วางใจในระบบการเงิน |
|
ระบบการเงินแบบใดที่คุณไว้วางใจมากที่สุดในการรักษาเงินออมเพื่อการเกษียณของคุณ |
กองทุนบำเหน็จบำนาญแบบดั้งเดิม |
|
แผนการเกษียณของเอกชน (เช่น 401(k), IRA) |
|
บัญชีออมทรัพย์หรือเงินฝากประจำ |
|
การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี |
|
อสังหาริมทรัพย์หรือสินทรัพย์ที่จับต้องได้อื่นๆ |
|
ไม่อยู่ในตัวเลือกข้างต้น |
คุณรู้สึกว่าคุณต้องการรับการศึกษาทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผนการเกษียณได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วนหรือไม่ |
ใช่ แน่นอน |
|
เข้าใจอยู่บ้าง |
|
ไม่ ฉันมั่นใจอยู่แล้ว |
- กรณีการนำไปใช้งานจริงของ BGB (Bitget Token) มีอะไรบ้าง ในขณะที่อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Utility Token ก็มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายภายในระบบนิเวศของตน หนึ่งในโทเค็นที่ว่ามานั้นคือ BGB (Bitget Token) ที่ออกแบบมาเป็นหลักให้เป็น Utility Token ภายในแพลตฟอร์ม Bitget ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงกรณีการนำไปใช้งานของ BGB และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จล่าสุดที่ผ่านมา กรณีการนำไปใช้งานของ BGB: Utility Token ในระบบนิเวศ Bitget BGB ทำหน้าที่เป็น Utility Token ภายในระบบนิเวศ Bitget นำเสนอสิทธ
2025-02-11
- ตีแผ่การสแกมคริปโตครั้งใหญ่มูลค่ากว่าหลายล้านบาทและเคล็ดลับในการปกป้องสินทรัพย์ของคุณ ในเดือนกันยายน 2023 ทางการไทยได้ดำเนินการอย่างจริงจังต่อการสแกมคริปโทเคอร์เรนซีครั้งใหญ่ที่ฉ้อโกงทรัพย์มูลค่ากว่า 2.7 พันล้านบาทไปจากนักลงทุน (เทียบเท่ามูลค่ามากกว่า 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นถึงความท้าทายที่เชื่อมโยงกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และตอกย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการเฝ้าระวังด้านการกำกับดูแลในเซกเตอร์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ การจับกุม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ Cyber Crime Investigation Bureau (CCIB) รายงานการจับก
2023-10-20
- Bitget Copy Trading: เสริมพลังการเทรดคริปโตของคุณอย่างมั่นใจกันเลย ขณะที่โลกแห่งคริปโทเคอร์เรนซียังคงมีความเปลี่ยนแปลงและขยายตัวต่อไป วงการเทรดก็ได้มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการนี้ Copy Trading ได้เข้ามาเสนอโซลูชันง่ายๆ แก่คุณ ด้วยการให้คุณจำลองรายการเทรดของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้โดยอัตโนมัติ ในบทความนี้ เราจะมาดู Bitget Copy Trading แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้และเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่นักเทรดกันเลย Bitget Copy Trading คืออะไร Bitget เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีชั้นนำที่ให้บริการการเทรดที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงแ
2023-06-19