โหมด Hedge บน Bitget: กลยุทธ์ในการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส
เนื่องจากมีผู้คนเข้าร่วมในกระแสคริปโทเคอร์เรนซีกันมากขึ้น วิธีการเทรดคริปโทเคอร์เรนซี จึงมีความหลากหลายยิ่งมากขึ้น แนวคิดสำคัญอย่างหนึ่งที่นักลงทุนจำนวนมากจำเป็นต้องเข้าใจในเชิงลึกก็คือ “โหมด Hedge”
โหมด Hedge เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ให้นักลงทุนเปิด Long (Bullish) และ Short (Bearish) Position ในสินทรัพย์เดียวกันพร้อมกันได้ ความยืดหยุ่นนี้ทำให้นักลงทุนสามารถแสวงหาโอกาสในการทำกำไรในสภาวะตลาดที่หลากหลายได้ แทนที่จะพึ่งพาเทรนด์ตลาดเพียงเทรนด์เดียว ปัจจุบันการเทรด Futures บน Bitget ใช้โหมด Hedge เป็นค่าเริ่มต้น แต่นักลงทุนก็สามารถสลับไปมาระหว่างโหมด Hedge ที่เป็นค่าเริ่มต้นกับโหมด Hedge แบบใหม่ได้อย่างอิสระ
ข้อดีและข้อเสียของโหมด Hedge
สิ่งที่น่าดึงดูดใจของโหมด Hedge อยู่ที่ความสามารถในการให้เสถียรภาพระดับหนึ่งได้ในสภาวะตลาดที่หลากหลาย เมื่อตลาดผันผวนหรือไม่ชัดเจน การถือเพียง Position เดียวมักมาพร้อมความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก ในขณะที่โหมด Hedge สามารถบรรเทาความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลงก็ตาม เช่น เมื่อคุณคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อาจผันผวนภายในช่วงหนึ่ง คุณก็สามารถเปิดทั้ง Long และ Short Position ได้ หากราคาขยับขึ้น Long Position ก็จะได้กำไร แต่หากขยับลง Short Position ก็จะช่วยชดเชยการขาดทุน
แม้ว่าโหมด Hedge จะช่วยหลีกเลี่ยงการขาดทุนในตลาดขาขึ้นหรือขาลงฝั่งเดียวได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง ประการแรก นักลงทุนต้องประเมินตลาดให้แม่นยำและมีข้อมูลเชิงลึกที่เฉียบแหลม หากประเมินเทรนด์ตลาดผิดพลาด โหมด Hedge ก็อาจส่งผลให้เกิดการขาดทุน 2 ต่อได้ ประการที่ 2 ต้องใช้เงินทุนและต้นทุนธุรกรรมสูง การถือทั้ง Long และ Short Position หมายความว่าจะต้องมีเงินทุนมากขึ้น และค่าธรรมเนียมธุรกรรม ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
วิธีใช้โหมด Hedge อย่างมีประสิทธิภาพ
เราจะใช้ Bitget Futures เป็นตัวอย่าง คุณสามารถสลับระหว่างโหมด One-Way กับ โหมด Hedge สำหรับ Bitget USDT-M Futures, Coin-M Futures และ USDC-M Futures ได้ การสลับนี้มีผลกับคู่เทรดทั้งหมดภายใต้ประเภท Futures ที่เกี่ยวข้อง เช่น เมื่อสลับ USDT-M Futures จากโหมด Hedge ไปเป็นโหมด One-Way จะส่งผลต่อคู่เทรดทั้งหมดภายใต้ USDT-M Futures แต่จะไม่ส่งผลต่อ Coin-M หรือ USDC-M Futures
ในการใช้โหมด Hedge ให้ได้ประสิทธิผล นักลงทุนต้องโฟกัสไปที่องค์ประกอบสำคัญต่อไปนี้:
1. การวิเคราะห์ตลาดเชิงลึก: เข้าใจสินทรัพย์ที่ตนกำลังลงทุนอย่างรอบด้าน ซึ่งรวมไปถึงปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิค และความเชื่อมั่นของตลาด การผสานข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เข้าด้วยกันจะช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์เทรนด์ตลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มั่นคงในการตัดสินใจป้องกันความเสี่ยงอย่างมีข้อมูลครบถ้วน
2. การจัดสรรเงินทุนและการควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม: กำหนดจุด Take Profit และ Stop Loss ให้เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนครั้งใหญ่อันเนื่องมาจากความผันผวนของตลาดที่มากเกินไป นักลงทุนควรปรับอัตราส่วน Position ของตนตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดเพื่อให้แน่ใจได้ว่าความเสี่ยงยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
3. การมีความยืดหยุ่นทางจิตใจที่แข็งแกร่ง: มีเหตุมีผลและคงความสงบอยู่เสมอ แม้ว่าโหมด Hedge อาจนำไปสู่แรงกดดันทางจิตใจได้ แต่นักลงทุนก็ควรใช้เหตุผลและสงบสติอารมณ์ หลีกเลี่ยงการถูกอารมณ์ของตลาดมาชักจูง
บทสรุป
โดยสรุป โหมด Hedge เป็นกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นซึ่งมอบโอกาสในการทำกำไรให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น สามารถใช้เป็นกลยุทธ์แบบแยกเดี่ยวหรือผสมผสานกับกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่มั่นคงยิ่งขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ได้รับข้อดีเหล่านี้ นักลงทุนยังต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
Bitget ยืนยันว่าการวิเคราะห์เชิงลึกของโหมด Hedge เผยให้เห็นว่ากลยุทธ์การเทรดนี้เป็นมากกว่าการซื้อและขายแบบธรรมดา แต่ต้องมีความเข้าใจตลาดอย่างถ่องแท้และตอบสนองอย่างยืดหยุ่นได้ ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ มีเพียงนักลงทุนที่เรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่จะมองเห็นโอกาสท่ามกลางความผันผวนได้
- การตลาดคอนเทนต์ของพันธมิตร Bitget: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้2024-11-25 | 10m
- คู่มือ KYC บน Bitget ฉบับรวบรัดและรับประกันความสำเร็จ2024-11-12 | 10m